ดอกลำโพง 18 นิ้ว 2242
ในส่วนเกี่ยวกับตัวคนสูงอายุหรือคนป่วยที่ดูแลอยู่ ผู้ดูแลต้องเรียนรู้ธรรมชาติของการสูงอายุ หรือการป่วยเรื้อรัง ซึ่งมักมีองค์ประกอบของการเสื่อมของสมองร่วมด้วย เป็นต้นว่า 5. 1 เคยน่ารักกลายเป็นไม่น่ารัก 5. 2 อารมณ์ขึ้นๆลงๆ 5. 3 หงุดหงิด โกรธง่าย เอาแต่ใจตัวเองแบบไร้เหตุผล 5. 4 การเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีแหย่ให้โกรธ ทำให้แค้น หรือชวนทะเลาะ 5. 5 ติดผู้ดูแลและชอบกดดันผู้ดูแลให้อยู่รับใช้ตนเองไม่ให้ไปไหนห่าง ทั้งหมดนี้เป็นพฤติกรรมที่ผู้ดูแลต้องเรียนรู้ที่จะรับรู้แบบเฉยๆด้วยความเข้าใจและด้วยเมตตาธรรม 6.
พยายามควบคุมน้ำหนักตัวผู้สูงอายุไม่ให้อ้วน เป็นที่ทราบกันดีว่าความอ้วน ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในทุกเพศทุกวัย และยิ่งผู้สูงอายุด้วยแล้ว ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัว ลดปัญหาการพลัดตกหกล้ม อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อผลกระทบต่อกระดูกและข้อที่ต้องแบบรับน้ำหนักตัวที่มากจนเกินไป นอกจากยังลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดัน ได้อีกด้วย 3.
ตรวจสุขภาพประจำปี ลูกหลานควรพาผู้สูงอายุไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังโรคต่าง ๆ หรือความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้น ถ้าเกิดพบเจอโรคก็จะสามารถดูแลรักษาได้ทันท่วงที และหมั่นทำตามคำแนะนำของแพทย์ 10. หางานอดิเรกให้ผู้สูงอายุทำยามว่าง การหางานอดิเรกให้กับผู้สูงอายุ จะช่วยลดปัญหาความเหงา ความเครียดได้ เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่คนเดียว ชินกับการอยู่ในสังคมที่มีผู้คนมากๆมานาน ดังนั้นการหางานอดิเรกสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุคลายเหงาได้ เช่น การเต้นลีลาศในสมาคมผู้สูงอายุ เล่นดนตรี ถ่ายภาพ อ่านหนังสือ ฝึกอาชีพ ฯลฯ ถึงแม้ว่าผู้สูงอายุจะเคยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่เมื่ออายุที่มากขึ้นทำให้สภาพร่างกายเสื่อมถอยลง ดังนั้นสมาชิกในครอบครัวสามารถช่วยหันดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด เพื่อผู้สูงอายุจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ต่อไปในครอบครัวที่อบอุ่น