ดอกลำโพง 18 นิ้ว 2242
ถอดบทเรียนการตลาดจากAmazon บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีผู้ก่อตั้งคือ Jeff Bezosเริ่มต้นมาจากการขายหนังสือพัฒนามาจนเป็นอีคอมเมิร์ซระดับยักษ์ใหญ่ที่เรียกได้ว่า "ไม่มีอะไรที่หาไม่ได้ใน Amazon"เคล็ดลับความสำเร็จของเขาคืออะไร?
ใครเป็น ผู้ขาย Amazon เรื่องนี้จำเป็นต้องรู้ เพราะเริ่มมีผลแล้วกับหลายๆร้าน ตั้งแต่ 15-June-2020 ที่ผ่านมา หลายคนไม่ทันได้ระวังก็โดนไปเต็มๆกับค่าส่งคืนสินค้าที่ทาง Amazon ปรับใช้กับกฎใหม่นี้ – สรุปสั้นๆสำหรับคนไม่มีเวลา – Amazon มีการปรับรูปแบบการรับคืนสินค้าแบบใหม่สำหรับผู้ขายที่จัดส่งสินค้าเองหรือ FBM หรือ ดรอปชิป โดยเปลี่ยนจากเดิมที่ให้ผู้ขายเป็นคนตัดสินได้ว่าจะรับคืนหรือไม่ เป็นบังคับให้รับคืนทุกกรณีหากเป็นไปตามเงื่อนไขการรับคืนสินค้าของ Amazon และจะมีการสร้างฉลากแบบจ่ายเงินล่วงหน้า (prepaid return label) เพื่อลูกค้าจะได้ไม่ต้องเสียค่าส่งคืน – รายละเอียดสำหรับคนที่อยากรู้เพิ่มเติม – 1. เช็คยังไงว่าเป็นแบบเก่าหรือแบบใหม่? ก่อนหน้านี้เคยโพสถามไปในเพจของ VAS247 เพื่อให้ผู้ขายได้ตรวจสอบกันว่าการตั้งค่าการส่งคืนในร้านเป็นแบบไหน ตามรูปด้านล่่างจะมี 2 แบบคือ แบบที่ 1 (แบบเก่า) และ แบบที่ 2 (แบบใหม่ ตามกฎใหม่) สังเกตให้ดีว่ารูปแบบการตั้งค่าจะต่างกันออกไป การตั้งค่าการคืนสินค้าทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ 2. ช่วยอธิบายความต่างหน่อย?
กระทบใครบ้าง? ทุกร้านที่ขายแบบ Professional จะโดนปรับทั้งหมดแน่นอนครับ ตอนนี้เท่าที่สังเกต ยังมีคนไทยจำนวนมากที่ยังเป็นแบบเก่าอยู่ น่าจะเกือบ 70% ก็ว่าได้ ส่วนตัวเข้าใจว่า Amazon ทะยอยๆปรับไปเรื่อยๆ เข้าใจว่าทำแบบ random ไม่ได้มีกฎแน่นอนว่าจะปรับแอคเค้าแบบไหนก่อนหรือหลัง แต่สุดท้ายโดนหมดครับ เตรียมตัวให้พร้อม ส่วนใครที่ขายแบบ FBA 100% ก็ไม่มีผลอะไร 4. ควรเช็คอะไรอีก? หากเป็นกฎใหม่แล้ว รีบเข้าดูตรงหน้าร้าน Orders > Manage Returns ครับ เพราะคุณอาจจะโดน Auto-authorized ไปเรียบร้อยแล้ว โดยสังเกตจากรูปด้านล่าง อย่างไรก็ตามอย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่ามันต้องเป็นไปตามกฎการคืนสินค้า หากนอกเหนือไปจาก Amazon Return Policy สถานะจะขึ้นเป็น "Out of policy" ซึ่งในเคสแบบนี้ผู้ขายจะมีตัวเลือกให้เลือกว่าจะยอมรับการคืนไหม ผ่านทางปุ่ม "Authorize request" ตัวอย่างการคืนสินค้าตามกฎใหม่ แบบโดน Auto-authorized และ แบบ Out of policy 5. ขอรายละเอียดเพิ่มเติม เรื่อง Prepaid return label หน่อย? ตามกฎใหม่นี้ดูเหมือน Amazon จะบังคับให้ผู้ขายที่เป็นแบบ Professional เข้าร่วม Amazon Prepaid Returns Label program โดยอัตโนมัตินั่นเอง โดยจะมีผลใช้กับผู้ขายที่มีการตั้งค่าการส่งคืนสินค้าใน US เท่านั้น ด้านล่างเป็นข้อความที่ยกมาจาก Return Policy "As part of this prepaid returns label program, Amazon automatically authorizes U. S. returns that fall within Amazon's return policy.
2. 3. ขอบคุณรูปภาพจาก: Amazon …………………………….. ช่องทางติดตาม IG: Twitter: Fan page: Messenger: Youtube:
ยาหม่องขาว ตราลิงถือลูกท้อ (White Monkey Balm) – เมื่อได้อ่านชื่อนี้ ในสมัยแรกที่สินค้าตัวนี้โปรโมทการตลาด เราจะได้ยินอยู่ในโรงหนัง ดูแล้วสินค้าดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทว่าพอไปต่างประเทศ กลับกลายยาหม่องนี้โดดเด่น พอๆกับ ยาหม่องตราถ้วยทอง สามารถขายได้ต่อเนื่อง โดยต้นทุนของยาหม่องขาว ตราลิงถือลูกท้อ ตกอยู่ที่อันละ 9 บาท ขนาด 8 กรัม แต่สามารถขายได้ 150 บาทต่อชิ้นเลยทีเดียว กำไรหลังหักทุกอย่างแล้วจะคงเหลือประมาณ 100 บาทต่อ 1 ชิ้น ไม่น่าเชื่อจริงๆว่ายาหม่องที่เรารู้จักเพียงแค่ผิวเพินจะสามารถขายได้กำไรดีขนาดนี้ นั้นต้องจับลงในร้านค้าของเราซะแล้ว 4. หมากฝรั่งล๊อตเต้ (Lotte Gum) – อีกสินค้าที่เมื่อได้ยินชื่อคงคุ้นหู และมีคนน่าจะได้ซื้อแล้วเคี้ยวกันมาบ้างล่ะ ปกติในบน ที่คนไทยขายกัน ราคาจะอยู่ประมาณ 190 บาทต่อ 1 ชิ้น ต้นทุนอยู่ที่ 50 บาทที่ขายเป็นรูปแบบกระปุก กำไรหลังหักค่าส่งและคอมมิชชั่นจะคงเหลือประมาณ 90 บาทต่อ 1 ชิ้น หมากฝรั่งบ้านเรามีหลายยี่ห้อมาก และยี่ห้อนี้มักจะเป็นที่ค้นหาเยอะพอสมควร อีกสินค้าสำหรับท่านใดไม่รู้จะลงอะไร ก็ติดสินค้านี้ไว้ในร้าน เพิ่มโอกาสการขายอีกทางครับ 5. ถุงยางดูเร๊กซ์ (Durex Condom) – อะไรนะอาจารย์ขายถุงยางบน ใครจะไปซื้อสินค้าตัวนี้ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าสินค้าตัวนี้โดดเด่นโลดแล่นใน Amazon มานานแสนนานแล้ว เพียงแค่เป็นอีกสินค้าที่คนไทยไม่ค่อยมอง อีกกรณีคือ ไม่กล้าซื้อในร้านค้า 7-11 โดยตรง แต่ทว่าก็มีผู้ขายหลายๆท่านมองเห็นโอกาสอันนี้ได้ลงขายกันเป็นว่าเล่น โดยส่วนใหญ่ที่ขายดีมักจะเป็นไซส์ประมาณ 52.
เมื่อพูดถึงแนวทางการหารายได้เสริม และสร้างธุรกิจส่วนตัวของคนไทยในยุคปัจจุบัน " การขายของออนไลน์ " น่าจะติดอยู่ใน top 3 อย่างแน่นอน จะด้วยเหตุผลที่ว่า เข้าใจง่าย, จับต้องได้ บวกกับความคุ้นชิน แถมมีแหล่งความรู้ที่สามารถเข้าถึงได้มากมายในโลกอินเตอรเนต จะอ่านบทความ หรือดูเป็นคลิปวีดีโอผ่านยูทูป ก็ทำได้ไม่ยาก ต้นทุนสำคัญที่คุณต้องมีก็คือ เวลา บวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจ และการลงมือทำ สำหรับการขายของออนไลน์ ถ้าแบ่งตามกลุ่มลูกค้า น่าจะแบ่งได้เป็น 2 ช่องทางหลักๆ คือ 1. การขายสินค้าให้กับลูกค้าในประเทศ ช่องทางหลักๆ ก็น่าจะเป็น Social media ต่างๆ เช่น ขายผ่าน Facebook, IG หรือขายผ่านเว็บไซด์ของตัวเอง ไปจนถึงการขายสินค้าผ่านช่องทาง marketplace ยอดนิยมต่างๆ เช่น lazada, shopee และอื่นๆ อีกเพียบ 2.